สวัสดีท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านที่กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับประกันภัยต่างๆ ท่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการคุ้มครองในมุมต่างๆ ซึ่งบทความนี้เราจะพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “4 เหตุผลที่บริษัทประกันจะไม่จ่ายค่าคุ้มครองให้เรา” ที่ท่านต้องเก็บข้อมูลไว้เพื่อป้องกันเหตุในอนาคตกันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม
การคุ้มครองของประกันหมายถึงอะไร?
การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ เป็นการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อ (ผู้เอาประกันภัย) และผู้ขาย (บริษัทประกันภัย) โดยเป็นการเลือกซื้อความคุ้มครองประกันภัยตามความพึงพอใจของผู้ซื้อ ซึ่งผู้ซื้อทำด้วยความสมัครใจ ไม่ได้ถูกบังคับโดยกฎหมายซึ่งจะให้ความคุ้มครองในหลายๆ ด้านซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
●คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก (Third Party Bodily Injury: TPBI) ให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอก และความรับผิดต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของผู้โดยสารในรถคันเอาประกันภัย โดยมีจํานวนเงินขั้นต่ำที่บริษัทต้องรับประกันภัยจํานวน 100,000 บาทต่อคน และ 10,000 บาทต่อครั้ง ทั้งนี้จํานวนเงินจํากัดความรับผิดนี้ถือเป็นส่วนเกินจากความคุ้มครองตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
●คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (Third Party Property Damage: TPPD) ให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อความเสียหายใดๆ อันเกิดแก่ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก โดยมีจํานวนเงินขั้นต่ำที่บริษัทต้องรับประกันภัยจํานวน 200,000 บาทต่อครั้ง
●คุ้มครองความรับผิดต่อความเสียหายของตัวรถยนต์ (Own Damage: OD) ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างเวลาประกันภัยต่อรถยนต์ รวมถึงอุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง และส่วนควบที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์ แต่ไม่รวมความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้ โดยมีจํานวนเงินขั้นต่ำที่บริษัทต้องรับประกันภัยจํานวน 50,000 บาท (รถจักรยานยนต์ 5,000 บาท) ทั้งนี้การรับประกันภัยตัวรถยนต์ไม่ควรรับประกันภัยในจํานวนเงินจํากัดความรับผิดต่ำกว่า 80% ของราคารถยนต์ในวันเริ่มการประกันภัย เว้นแต้รถยนต์ที่ไม่มีการเสียภาษีขาเข้า
●คุ้มครองความรับผิดต่อความสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์ (Fire and Theft: F&T) ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของรถยนต์ รวมทั้งอุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง และส่วนควบที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์ ที่ถูกไฟไหม้ หรือสูญหายไป
4 เหตุผลที่บริษัทประกันจะไม่จ่ายค่าคุ้มครอง
●ปกปิดข้อมูลสุขภาพ หรือแม้แต่ประวัติสุขภาพของทายาทคนในครอบครัวของผู้เอาประกัน หากทางบริษัทประกันทราบหรือเกิดเหตุการณ์เสียชีวิตจากโรคที่ไม่เคยระบุก่อนหน้า ภายใน 2 ปี สัญญาประกันจะตกเป็นโมฆะ
●การถูกผู้รับผลประโยชน์เจตนาฆ่า หากเกิดเหตุการณ์นี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 กรณี– กรณีมีผู้ได้รับประโยชน์จากการทำประกันครั้งนี้แค่บุคคลเดียว หากเป็นเช่นนั้นและมีการเจตนาฆ่าผู้เอาประกัน บุคคลที่ได้รับประโยชน์จะได้แค่ค่าเวนคืนกรมธรรม์ แต่หากยังไม่มีเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต บริษัทจะอนุโลมคืนเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตที่ได้รับชำระมาแล้วทั้งหมดให้แก่ทายาทของผู้เอาประกันภัย– หากมีผู้รับผลประโยชน์มากกว่า 1 บุคคลขึ้นไป บริษัทประกันจะพิจารณาจากเจตนาหากบุคคลไหนไม่ได้มีส่วนร่วมในการฆ่าเพื่อเอาประโยชน์ครั้งนี้ บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์ที่ไม่มีส่วนร่วมในการฆ่า และหักส่วนของผู้ที่ฆ่าผู้เอาประกันภัยซึ่งไม่มีสิทธิ์ได้รับออก เพื่อป้องกันการช่วยปิดบัง
●สัญญาประกันขาดอายุการชำระเบี้ยประกันจะเป็นไปตามงวด แบ่งออกเป็นระยะ 3 เดือน 6 เดือนหรือเร็วสุดจะเป็น รายเดือน แต่หากบริษัทประกันไม่ได้เรียกเก็บจำเป็นจะต้องมีการทวงถามเพื่อให้ไม่เกิดการขาดสัญญา แต่หากลืมชำระตามงวด ทางบริษัทประกันจะต่อเพิ่มให้อีก 30 วัน หรือที่เรียกว่า “ระยะผ่อนผัน” และหากเกิตเหตุสุดวิสัยจะไม่สามารถชำระค่าเบี้ยประกันได้ ตัวผู้เอาประกันสามารถเลือกขอหยุดสัญญาบางตัว เปลี่ยนงวดชำระเบี้ยหรือเงื่อนไขอื่น ๆ อีกได้
●เงื่อนไขประกันไม่ได้คุ้มครองตั้งแต่แรกหลังจากตกลงทำประกันทุกฉบับแล้ว จำเป็นจะต้องอ่านเงื่อนไขที่ระบุอยู่ในกรรมธรรม์ให้ครบ ว่ากรรมธรรม์ฉบับนี้คุ้มครองอะไรบ้าง โดยส่วนมากแล้วจะพบเจอการไม่คุ้มครองค่าห้องพักฟื้นค่าติดตามโรคร้ายแรง หรือค่าใช้จ่ายตรวจหาชิ้นเนื้อเพื่อนำไปวินิจฉัยโรคเป็นต้น
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “4 เหตุผลที่บริษัทประกันจะไม่จ่ายค่าคุ้มครองให้เรา” ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะชอบกันนะครับ
