หลักการเปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่ควรรู้

ประกันรถยนต์ที่ควรรู้

หลายๆ ท่านก็คงอยากจะหาประกันรถยนต์ที่น่าสนใจและตรงกันกับความต้องการ ความพร้อมในด้านต่างๆ ของเราด้วยเช่นกัน แต่หลายๆ ท่านก็คงจะเลือกหรือเปรียบเทียบกันไม่ถูกชั้ยหล่ะครับ วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “หลักการเปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่ควรรู้” ที่น่าสนใจและสามารถเอาไปใช้ช่วยตัดสินใจจริงๆ ได้กันครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปชมกันดีกว่าครับผม

ทำความรู้จักกับประกันรถยนต์ในแต่ละแบบที่น่าสนใจ

ประกันรถยนต์สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ที่จะให้ระดับความคุ้มครองที่แตกต่างกันไปตามราคา

●ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 ให้การคุ้มครองมากที่สุด รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของเรา และที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สิน ชีวิตและร่างกายของคู่กรณี หากเราเป็นฝ่ายผิด รวมถึงกรณีรถยนต์ของเราสูญหาย หรือไฟไหม้ สำหรับรถคันใหม่ หรือมือใหม่หัดขับ พอมีเงินจ่ายค่าเบี้ย เลือกประกัยภัยรถยนต์ชั้น 1 ไว้ก็อุ่นใจทุกกรณี

●ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 2 รับผิดชอบเกือบทุกอย่างเหมือนประเภทที่ 1 รวมกรณีรถยนต์ของเราสูญหายหรือไฟไหม้ เพียงแต่ไม่รวมความเสียหายกับรถยนต์ของเรา คือรถเราต้องจ่ายเอง สำหรับคนขับรถช่ำชองแล้ว มั่นใจการขับรถตัวเองว่ารอบคอบ ปลอดภัยพอสมควร หรือใช้รถไม่บ่อย การเลือกประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

●ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 2+ รับผิดชอบทุกอย่างเหมือนประเภทที่ 2 บวกรับผิดชอบกับรถยนต์ของเรากรณีชนกับยานพาหนะทางบก (ชนกับอย่างอื่นไม่ได้) สนใจประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2+ คลิก

●ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 3 รับผิดชอบเฉพาะของคู่กรณี ในกรณีเราเป็นฝ่ายผิด แต่ไม่รับผิดชอบความเสียหายของรถยนต์เรา เหมาะสำหรับรถเก่าอายุหลายปี

แนวทางการเลือกพิจารณาแผนประกันรถยนต์ที่เหมาะสม

●พิจารณารายได้ การทำประกันนั้นอาจถือเป็นหนึ่งในการออมทางเลือกที่หลายคนให้ความไว้วางใจ ที่นอกจากจะเป็นการเก็บเงินก้อนแล้ว ยังเป็นการรองรับความเสี่ยงที่ดีอีกด้วย แต่ทว่าหลายคนก็เลือกจะทำประกันที่มีวงเงินสูง ทำให้ต้องจ่ายเบื้ยประกันสูงตาม เราอาจมั่นใจกับการประกันภัยดังกล่าวในระยะสั้น ทว่าระยะยาวนั้นอาจก่อให้เกิดปัญหาทางการเงินได้ ประกันชีวิตที่เหมาะสมคือ 10-20% ของรายได้

●พิจารณาว่าเราเป็นผู้หารายได้หลักของครอบครัวหรือไม่? ครอบครัวต้องพึ่งพิงรายได้ของคนใดคนหนึ่งในครอบครัวเป็นหลัก ควรที่จะมีประกันชีวิตเพื่อคุ้มครอง เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น หรืออุบัติเหต จนไม่สามารถทำงาน หรือขาดรายได้ คนข้างหลังจะลำบาก แล้วควรจะทำประกันชีวิตเท่าไหร่ดี ก็ขึ้นอยู่กับรายจ่ายรวมเป็นหลักครับ

●พิจารณาความเสี่ยงด้านสุขภาพ ซึ่งแม้ว่าจะดูแลสุขภาพดีแค่ไหนแต่ความเสี่ยงในโรคภัยก็ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การทำประกันสุขภาพไว้ล่วงหน้าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการแบ่งเบาความเสี่ยงที่อาจเกิดในอนาคต

●พิจารณาเรื่องความเสี่ยงในการเดินทาง เพราะหากเราเป็นผู้ที่เดินทางด้วยรถยนต์อยู่เป็นประจำแล้วนั้น ก็ควรที่จะทำประกันรถยนต์ติดเอาไว้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ กันครับ จะทำให้สามารถแบ่งเบาภาระหากเกิดอุบัติเหตุได้นั้นเองครับ

แล้วเราจะเลือกประกันบริษัทไหนให้คุ้มที่สุด

●เลือกประกันที่มีบริการของอู่ซ่อมรถที่ได้มาตรฐาน สิ่งที่เป็นพื้นฐานก่อนการเลือกบริษัทประกันภัยรถยนต์นั่นก็คือ ตรวจสอบว่าบริษัทนั้นๆ มีบริการของอู่ซ่อมรถที่ได้มาตรฐานหรือไม่ หรือว่ามีอู่ประจำของเราที่อยากซ่อมอยู่ในบริการหรือเปล่า เพราะถ้ามีอู่ที่เราไว้วางใจก็รับประกันได้ว่า คุณจะไม่ต้องกังวลใจในปัญหาหลังการซ่อม ซึ่งอาจจะทำให้เสียเวลาของตัวเราเอง

●เลือกปรกันที่มีข้อเสนอและเบี้ยประกันรถยนต์ ข้อนี้เป็นข้อสำคัญและต้องศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วน นั่นก็คือการนำข้อเสนอและเบี้ยประกันรถยนต์แต่ละที่มาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้เห็นความคุ้มค่ากันแบบชัดๆ ว่าชั้น 1 ชั้น 2 หรือชั้น 3 ของแต่ละที่ บริษัทใดคุ้มครองได้มากกว่า เบี้ยประกันต่ำกว่า นอกจากนี้ อาจดูว่าที่ใดผ่อนได้ ผ่อนไม่ได้ ดอกเบี้ยผ่อนกี่เปอร์เซ็น หรือผ่อนได้ 0% และผ่อนได้นานสูงสุดกี่เดือน ลองใช้คำถามเหล่านี้เป็นเกณฑ์ในการเลือกดูนะครับ

และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “หลักการเปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่ควรรู้” ที่เราได้รวบรวมมาฝากท่านผู้อ่านกันในบทความข้างต้นนี้ คิดว่าน่าจะช่วยให้ท่านตัดสินไจได้ดีขึ้นกันนะครับ