ความสำคัญของประกันชีวิต

ประกันชีวิต

“มีไว้ อุ่นใจกว่า” คงจะเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงเสียทีเดียวเลยหล่ะครับ สำหรับการทำประกันชีวิตหรือประกันประเภทอื่นๆ เพราะการทำประกันนั้นจะช่วยให้เราสามารถวางแผนอนาคตไปพร้อมกับลดความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราและคนที่เรารักนั้นเอง วันนี้เราจะขอเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะบอกกล่าวถึง “ความสำคัญของประกันชีวิต” ที่เราอยากแนะนำให้ทุกๆ ท่านมีไว้ติดตัวกันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราไปชมกันเล้ย!!

ทำความรู้จักกับ “ประกันชีวิต”

สามารถอธิบายหให้เข้าใจง่ายๆ ว่า “การประกันชีวิต (Life Insurance)” หมายถึง การที่บุคคลผู้หนึ่งเรียกว่า “ผู้เอาประกันภัย” ได้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งเรียกว่า “เบี้ยประกันภัย” ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ให้กับบริษัทประกันชีวิต เพื่อซื้อความคุ้มครองการเสียชีวิต ครอบคลุมไปถึงการสูญเสียอวัยวะ การทุพพลภาพ การบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย ภายในเวลาที่กำหนด หรือมีอายุยืนยาวจนครบกำหนดตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ บริษัทประกันจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเรียกว่า “จำนวนเงินเอาประกันภัย” ให้แก่ “ผู้รับผลประโยชน์” หรือผู้เอาประกันภัยแล้วแต่กรณี ทั้งนี้เงื่อนไขความคุ้มครองจะมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการเลือกซื้อตามความเหมาะสมของผู้เอาประกันภัยเป็นหลัก

ผู้รับผลประโยชน์ คือ บุคคลที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิต ว่าจะเป็นผู้ได้รับเงินประกันชีวิตตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา ผู้รับผลประโยชน์อาจเป็นบุคคลเดียวกับผู้เอาประกันภัยก็ได้

ผู้เอาประกันภัย คือ บุคคลที่ตกลงทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกันชีวิต โดยอาศัยสาเหตุของการมีชีวิตหรือการตายเป็นเงื่อนไขในการจ่ายเงินประกันชีวิต

ใจความสำคัญของการทำ “ประกันชีวิต”

กล่าวได้สั้นๆ ง่ายๆ เลยก็คือ “การทำประกันชีวิต” คือ “การป้องกันความเสี่ยงให้กับคนที่เรารัก” ซึ่งถือเป็นการสร้างหลักประกันให้กับครอบครัว ในกรณีที่ต้องจากไปก่อนวัยอันควร ทว่าในระยะหลังผู้ซื้อประกันจำนวนไม่น้อยเริ่มให้ความสนใจกับกรมธรรม์ประเภทที่ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล และการประกันรายได้หลังจากเกษียณด้วยเช่นกัน

ประกันชีวิตแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง?

1. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance)

ให้ความคุ้มครองในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อาจเริ่มอย่างน้อยตั้งแต่ 1 ปี 5 ปี 10 ปี 12 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี ซึ่งมุ่งเน้นให้ความคุ้มครองภัยในเรื่องของการเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว หากครบกำหนดสัญญา หรือพ้นระยะความคุ้มครองแล้วผู้เอาประกันภัยยังคงมีชีวิตอยู่ กรมธรรม์สัญญาที่ได้ทำเอาไว้กับบริษัทประกันชีวิตก็จะถือเป็นอันสิ้นสุด และผู้เอาประกันภัยจะไม่ได้รับเงินชดเชย ข้อดี คือการชำระเบี้ยประกันถูกมาก และให้ความคุ้มครองชีวิตสูง มักจะทำประกันไว้ให้กับหัวหน้าครอบครัว ดังนั้นภาพรวมจึงเหมาะสำหรับ…

– ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตในระยะสั้น หรือช่วงระยะเวลาหนึ่ง

– ผู้ที่มีกำลัง หรือความสามารถในการชำระเบี้ยต่ำ แต่ต้องการความคุ้มครองชีวิตสูง

– ผู้ที่ต้องการบริหารความเสี่ยง เพียงช่วงระยะสั้น ๆ เท่านั้น เช่น ช่วงที่มีภาระหนี้สิน

2. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance)

ให้ความคุ้มครองเป็นระยะเวลายาวนาน หากเสียชีวิตในระหว่างสัญญาบริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ แต่ถ้าหากผู้เอาประกันภัยยังคงมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา 85 ปี 89 ปี 90 ปี 95 ปี หรือ 99 ปี ขึ้นอยู่กับแบบประกัน บริษัทจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยข้อดี คือให้ความคุ้มครองนานครอบคลุมเกือบทั้งชีวิต และเหมาะสำหรับเป็นมรดกให้กับลูกหลานหากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต เหมาะสำหรับ…

– ผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัว หรือเป็นเสาหลักของบ้าน เพื่อเป็นหลักประกันให้คนข้างหลัง

– ผู้ที่ต้องการมีมรดกให้กับลูกหลาน

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลและใจความสำคัญของ “การทำประกันชีวิต” ที่เราได้นำมาบอกกล่าวเล่าแจ้งให้ทุกๆ ท่านได้เข้าใจ เราหวังว่าจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับทุกๆ ท่านได้ในอนาคตกันนะครับ